แซงหมียึดจ่าฝูง! เบนซ์ยิงอีก-เรอัลมาดริดเป่าปากทุบบาร์ซ่า “เอลกลาซิโก”

เรอัล มาดริด ออกอาการเป่าปากหลังโดนเจ้าบุญทุ่มโหมบุกอย่างหนักในช่วงครึ่งหลังก่อนจะเบียดเอาชนะไปหวุดหวิด 2-1 ส่งผลให้ “ราชันชุดขาว” มี 66 แต้มเท่ากับ แอต.มาดริด ทว่าชุดขาวมีเฮดทูเฮดเหนือกว่า แม้จะแข่งมากกว่าตราหมีหนึ่งนัดก็ตาม ขณะที่ บาร์ซ่า ชวดโอกาสขึ้นนำจ่าฝูงทำให้มีแค่ 65 คะแนนเหมือนเดิม ใน “เอล กลาซิโก” ลา ลีกา สเปน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน คู่บิ๊กแมตช์ ประจำวันเสาร์ที่ 10 เม.ย. เป็นศึก “เอลกลาซิโก” ที่สนาม เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เจ้าถิ่น “ราชันชุดขาว” ทีมอันดับ 3 เปิดบ้านต้อนรับ “เจ้าบุญทุ่ม” รองจ่าฝูง โดยมีความหวังลุ้นแชมป์เป็นเดิมพัน

10 นาทีผ่านเป็น “เจ้าบุญทุ่ม” ทักทายก่อนจากจังหวะของ ลิโอเนล เมสซี่ พาบอลแหวกขึ้นมาแทงช่องเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ยอร์ดี้ อัลบา สอดมาตบเข้าในเกือบถึง อุสมาน เดมเบเล่ แต่ต้องชม ติโบลต์ กูร์กตัวส์ อ่านเกมออกมาชกทิ้งได้ทัน

3 นาทีต่อมากลายเป็น “ราชันชุดขาว” ทะยานออกนำ 1-0 จากจังหวะทางขวาของ ลูกัส บาสเกซ สอดขึ้นมาได้ช่องปาดเข้าในให้ คาริม เบนเซม่า โฉบตัดหน้า โรนัลด์ อเราโฆ่ ไขว้บอลผ่านมือ แทร์ ชตีเก้น เสียบเสาแรกงามหยด

นาทีที่ 28 เรอัล มาดริด บวกสกอร์เพิ่มเป็น 2-0 จากจังหวะผิดพลาดของ โรนัลด์ อเราโฆ่ ไปทำฟาวล์ วินิซิอุส จูเนียร์ แทบบนเส้น 18 หลาและเป็น โทนี่ โครส ปั่นบอลไปแฉลบหลัง เซอร์จินโญ่ เดรสต์ เปลี่ยนทางติดหัว ยอร์ดี้ อัลบา ตัวคุมเส้นโขกสกัดไม่พ้นซุกก้นตาข่ายไม่เหลือ

35 นาทีผ่าน เจ้าถิ่น ครองเกมไว้ได้หมดจากจังหวะสวนกลับ ลูก้า โมดริช แทงยาวให้ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดขึ้นมาทางซ้ายได้ช่องดีดมาเสาไกลถึง เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ สอดมาอัดด้วยขวาบอลไปชนเสาเด้งมาเข้าทาง ลูกัส บาสเกซ ซ้ำอีกรอบไปตรงตัว แทร์ ชตีเก้น ตบทิ้งหวุดหวิด

ท้ายครึ่งแรก ซีเนดีน ซีดาน มีเรื่องให้คิดหนักหลัง ลูกัส บาสเกซ แข้งคนสำคัญบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า ลงสนามเป็นตัวสำรองคนแรก

นาทีที่ 45+1 บาร์เซโลน่า เกือบตีไข่แตกจากลูกเตะมุมทางขวา ลิโอเนล เมสซี่ วิ่งมาปั่นบอลโค้งข้ามมือ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ย้อยตกชนเสาไกลเด้งออกมา

จากจังหวะต่อเนื่องสลับมาทางซ้าย อุสมาน เดมเบเล่ เปิดลูกเตะมุมลึกมาเสาไกลเข้าทาง ลิโอเนล เมสซี่ พักอกก่อนอัดด้วยซ้ายในกรอบ 6 หลาเสียดายมุมไม่มีติดต้นขา ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ออกมาบล็อคได้ทัน

หมดครึ่งเวลาแรก เรอัล มาดริด 2 บาร์เซโลน่า 0

นาทีที่ 53 เรอัล มาดริด ออกหมัดก่อนจากบอลทางขวาของ คาริม เบนเซม่า ถอยมาเก็บบอลก่อนฝากเข้าในให้ โทนี่ โครส ตวัดตามน้ำแต่โดนไม่ดีเหินข้ามคานออกไปไกล

3 นาทีต่อมา บาร์เซโลน่า พลาดโอกาสทอง อุสมาน เดมเบเล่ ดึงจังหวะยกต่อให้ เปดรี้ เปิดบอลเข้าเขตโทษโค้งไปเสาไกลถึง อองตวน กรีซมันน์ ทิ้งตัวชาร์หลุดเสาแรกออกหลังเหลือเชื่อ

แต่แล้วนาทีที่ 60 “เจ้าบุญทุ่ม” ตีไข่แตกไล่มา 2-1 จากจังหวะทางซ้าย ยอร์ดี้ อัลบา เปิดโค้งเข้าเขตโทษและเป็น อองตวน กรีซมันน์ โดดปล่อยบอลลอดขาหลุดมาถึง ออสการ์ มินเกซ่า ใช้หน้าแข้งดีดผ่านมือ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ตุงตาข่าย

นาทีที่ 62 จากจังหวะทางซ้ายของ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดขึ้นมาได้ช่องปาดเข้าในบอลไปแฉลบเท้า โรนัลด์ อเราโฆ่ เปลี่ยนทางเกือบเข้าประตูโชคดีไปชนเสาเด้งออกหลัง

นาทีที่ 76 เรอัล มาดริด หวิดปิดกล่องจากจังหวะทางขวา อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า ลากแหวกขึ้นมาได้ช่องตักเข้าเขตโทษบอลติดไซค์ก้อยเกือบเสียบใต้คานติดมือ แทร์ ชตีเก้น นิดเดียว

ก่อนหมดเวลา 7 นาที บาร์เซโลน่า พลาดโอกาสตีเจ๊าคราวนี้เป็น ยอร์ดี้ อัลบา หลุดเดี่ยวขึ้นมาทิ่มบอลหนี ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ไหลผ่านหน้าประตูเลย มาร์ติน เบรธเวต หลุดออกหลัง

จากจังหวะนี้เกือบดราม่าเมื่อ มาร์ติน เบรธเวต เหมือนไปโดนคว้าแขนร่วงลงไปในกรอบเขตโทษแข้ง “เจ้าบุญทุ่ม” กรูเข้ามาขอจุดโทษแต่ผู้ตัดสินใจแข็งชี้ให้เป็นลูกตั้งเตะ

ท้ายเกม เจ้าถิ่น ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนเป็น เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ ไปเสียเหลี่ยมทำฟาวล์ใส่ ออสการ์ มินเกซ่า โดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามไป

ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+4 บาร์เซโลน่า มาได้ลุ้นส่งท้ายจากบอลครอสเข้าเขตโทษ เกลม็อง ล็องเล่ต์ โขกชงให้ อีไลซ์ โมริบา ตวัดตามน้ำผ่านบล็อคพุ่งไปชนคานเสียงดังสนั่น

หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม เรอัล มาดริด 2 บาร์เซโลน่า 1

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง

เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบลต์ กูร์กตัวส์ – ลูกัส บาสเกซ (อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า น.43), เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – ลูก้า โมดริช, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่, โทนี่ โครส (อิสโก้ น.72) – เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ (มาร์โก อเซนซิโอ้ น.61), คาริม เบนเซม่า (มาเรียโน่ ดิอาซ น.72), วินิซิอุส จูเนียร์ (มาร์เซโล่ น.72)

เทรนเนอร์ : ซีเนดีน ซีดาน

บาร์เซโลน่า (3-4-2-1) : มาร์ค อังเดร แทร์ ชตีเก้น – ออสการ์ มินเกซ่า, โรนัลด์ อเราโฆ่ (อีไลซ์ โมริบา น.72), เกลม็อง ล็องเล่ต์ – เซอร์จินโญ่ เดรสต์ (อองตวน กรีซมันน์ น.46), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (เซร์คิโอ โรแบร์โต้ น.64), แฟร้งกี้ เดอ ยองก์, ยอร์ดี้ อัลบา – เปดรี้ (ตรินเกา น.81), ลิโอเนล เมสซี่ – อุสมาน เดมเบเล่ (มาร์ติน เบรธเวต น.81)

เทรนเนอร์ : โรนัลด์ คูมัน